Maltodextrin (มอลโตเดกซ์ตริน) (จีน) ขนาด 1 กิโลกรัม
Maltodextrin มอลโตเดกซ์ตริน
มอลโตเดกซ์ตริน ( Maltodextrin) คือคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) ประเภท polysaccharide ที่ได้จากการย่อยโมเลกุล ของสตาร์ซ (starch) บางส่วนให้เป็นสายสั้นๆ ของนํ้าตาลกลูโคส (glucose) มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดสีขาวไม่มีรส หรือ มีรสหวานเล็กน้อยสามารถละลายในนํ้าได้ดี กรรมวิธีการผลิตมอลโตเดกซ์ทริน ( Maltodextrin)
มอลโตเดกซ์ทริน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการไฮโดรไลซ์สตาร์ซ (starch hydrolysate) วัตถุดิบที่ใช้เพื่อผลิตมอลโตเดกซ์ตริน คือ สตาร์ซ (starch) จากพืชต่างๆ เช่น สตาร์ชจากมันสําปะหลัง (tapioca starch) สตาร์ชข้าวโพด (corn starch) สตาร์ชมันฝรั่ง (potato starch)
ขั้นตอนแรก คือการเตรียมสารละลายสตาร์ช (starch slurry) และให้ความร้อนจนเม็ดสตาร์ชเกิดการสุก (gelatinization) แล้วจึงย่อยสตาร์ซ (starch hydrolysis) ให้มีโมเลกุลเล็กลง ทําได้โดยการใช้เอนไซม์อะไมเลส (amylase) ชนิด แอลฟา-อะไมเลสแล้วจึงนําไปกรอง (filtration) และทําให้บริสุทธิ จากนันจึงเข้าสู่ขันตอนการทําให้เข้มข้น (concentration) และทําแห้ง (dehydration) ให้เป็นผง ด้วยเครืองทําแห้ง แบบพ่นฝอย (spray drier)
ใช้เป็นสารเติมแต่งในอาหาร (Food Additive) ใส่เพือสร้างความหนืด หรือสร้างเนื้อให้อาหาร ทํามาจากแป้ง จะไม่มีรส หรือมีรสหวานเล็กน้อย มีลักษณะ เป็นผงหรือเกล็ดสีขาว มีความหวานอยู่ที DE-10-15 มอลโตเดกซ์ตริน จึงอยู่ในรูปของนําตาลกลูโคสหลาย ๆ โมเลกุลมารวมกัน โดยถูกจัดว่าเป็น คาร์โบไฮเดรตทีย่อยง่าย ซึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้แบบเดียวกันกับน้ำตาลกลูโคส ดังนั้นจึงมีการนําไปใช้เป็นส่วนผสมสําหรับผลิตภัณฑ์ทีให้พลังงาน ประเภทต่าง
มอลโตเดกซ์ตริน (maltodextrin) ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารอย่างขว้างขวาง ในผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสําหรับ ผู้ที่ต้องการควบคุมนํ้าหนัก อาหารสําหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาหารไขมันตํ่า ในผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง ประเภทอาหารผง เช่น เครื่องดื่มผง เครื่องปรุงรสชนิดผงฯลฯ
มอลโตเดกซ์ตรินเจ้าตัวนี้ มีจุดเด่น จุดด้อย และจุดเสีย อย่างไร เหตุใดจึงต้องใส่ในผลิตภัณฑ์
เริ่มจากความเข้าใจขั้นพื้นฐานว่ามันคืออะไร
มอลโตเดกซ์ตริน ขอเรียกสั้นๆว่า มอล หรือ Glucose Polymers ส่วนใหญ่ทำมาจากข้าวโพด และถูกนับว่าเป็น คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ (Polysaccharide) หรือที่เรียกกันว่า คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrate) โดย มอล 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 แคลอรี และถ้าวัตถุดิบมาจาก USA จะได้ของแถม Gluten Free สำหรับผู้ที่แพ้แป้งสาลีด้วย
กระบวนการทำงานของมอลโตเดกซ์ตริน
มอลโต จะแตกตัวเป็นกลูโคส หลังการรับประทานอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับอินซูลินในกระแสเลือดพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด โดยอินซูลินนั้น ทำหน้าที่หลักในกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อ โดยเพิ่มการนำกรดอะมิโนเข้าสู่กล้ามเนื้อลาย (Skeletal Muscle) เป็นตัวเร่งกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนให้กล้ามเนื้อ และ ป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ โดยทำหน้าที่ต่อต้านฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นตัวทำลายโปรตีนในกล้ามเนื้อ
จุดเด่น
ดูดซึมเร็ว ให้พลังงานได้ยาวนานทำให้เล่นได้หนัก ไม่หมดแรงกลางทาง ผลที่ได้คือ ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น ป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ และเพิ่มกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย (Metabolism) ในรูปแบบเผาไขมัน เพิ่มกล้ามเนื้อนั่นเอง
การกินโปรตีนเพียวๆหลังการออกกำลังกายโดยไม่มีแป้งเข้าช่วยเลย ร่างกายจะแปลงโปรตีนเป็นพลังงานให้ร่างกาย แทนที่จะใช้โปรตีนนั้นในการสร้าง และซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ใช้งานอย่างหนักมา เกิดอาการซื้อของแพง แต่กลับได้ของถูกมาแทน
จุดด้อย
การกินมอลโต อย่างไม่ถูกวิธี แทนที่กลูโคสจะให้พลังงานเรา อาจมีโอกาสถูกเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้ในร่างกาย ทำให้อ้วนได้ง่ายๆ
จุดเสีย
ราคาถูก ไม่มีรส และไม่ถูกนับรวมว่าเป็น “น้ำตาล” บนฉลากอาหาร
จึงอาจมีการแอบแฝงในโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำตาล (Sugar Free) และสิ่งสำคัญที่ควรพึงระวัง คือ ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการกินมอล จะทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข้อแนะนำ
กินให้ถูกจังหวะ เวลา และในปริมาณที่เหมาะสม โดยกินมอลโท ก่อนออกกำลังกาย 20 นาที และหลังเพียงเท่านี้ เพื่อป้องกันการสลายตัวของกล้ามเนื้อ
-ใช้ในอาหาร เพื่อสุขภาพ โดย จัดเป็น Functional food ประเภท prebiotic
-เป็นสารให้ความหวาน (sweetener)
-เป็นสารทดแทนไขมัน (fat substitute) ในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (bakery) ไอศกรีม
-ป้องกันการเกาะเป็นก้อน (anticaking agent)
-เพิ่มเนื้อ (bulking agent) เช่น เพื่มเนื้อในการทำแห้ง (dehydration) อาหารแห้ง ประเภท อาหารผง เครื่องดื่มผง ด้วยเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย spray drier หรือ drum drier
การเก็บรักษา
ควรเก็บในภาชนะที่บรรจุปิดสนิท